วันหนึ่ง ทางสถานีตำรวจภูธรแสนสุข ได้รับแจ้งเหตุ จากร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งว่า จับขโมยที่เข้ามาขโมยของในร้านได้ 2 คน เมื่อตำรวจเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พบคนร้ายคือเด็กผู้ชาย 2 คน ซึ่งเป็นพี่น้องกัน คนพี่ อายุ 15 น้อง อายุ 13 เมื่อตำรวจสอบสวน และให้เด็กทั้งสองพาไปยังบ้านพัก ที่อยู่ในชุมชนแออัด แห่งหนึ่ง ปรากฏว่าในบ้าน พบตากับยายของเด็กทั้งสอง อยู่ในสภาพ ตาป่วยเป็นอัมพฤกษ์นอนบนที่นอน ลุกไปไหนไม่ได้ และยายตาบอดมองไม่เห็นและเคลื่อนไหวลำบาก สภาพบ้านเก่า ทรุดโทรม น่าเวทนายิ่งนัก ตำรวจจึงถาม 2 พี่น้องว่า “ทำไมเราต้องขโมยของที่ร้านด้วย” ทั้งสองตอบว่า “ผมจำเป็น ไม่งั้นผมกับน้องและตายายก็จะไม่มีอะไรกิน“ ชาวบ้านละแวกนั้น ช่วยกันขอร้องตำรวจว่า อย่าจับเด็กสองคนนี้เลย เพราะเด็กทั้งสองเป็นเด็กกตัญญู ที่ทำไปเพราะต้องการเอาของมาเลี้ยงตากับยายเพื่อประทังชีวิตเท่านั้น
1.1 จับทันที่ เมื่อทำผิดครั้งแรก
เหตุผล 1. ตำรวจต้องปฏิบัติตามหน้าที่และต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
2. สะท้อนบทบาทกฎหมายของสังคมไทย
3. เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างแก่บุคคลอื่น
4. เพื่อไม่ให้มีครั้งต่อไป
5. เพื่อเป็นการดัดนิสัยและเป็นบทเรียนแก่เด็กไม่ให้กระทำเช่นนั้นอีก
1.2 ปล่อย เนื่องจากเป็นการกระทำผิดครั้งแรก
เหตุผล 1. เพื่อเป็นการให้โอกาสเด็กให้ได้เป็นบทเรียนและนำไปคิด
2. เด็กกระทำผิดเนื่องจากมีเหตุผล
3. เด็กมีความกตัญญู น่าสงสาร
4. เพื่อให้เด็กมีอนาคตที่ดี ไม่อยากให้มีราคีติดตัวเพราะจะลำบากในอนาคต
5. ลงบันทึกประจำวันไว้ และลงทัณฑ์บนไว้ไม่ให้กระทำผิดซ้ำ
กรณีที่ 2
2.1 จับ เมื่อกระทำผิดซ้ำ
เหตุผล 1. จับทันที่ เพราะได้กระทำผิดเป็นครั้งที่ 2
2. ดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะได้ให้โอกาสแก่เด็กแล้ว
3. เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างแก่บุคคลอื่น
4. แม้จะมีเหตุผลในการทำผิดก็ต้องจับ เพราะเคยทำผิดมาก่อน
5. เด็กเคยทำผิดมาแล้วและกำลังอยู่ในช่วงทัณฑ์บน แต่ได้มากระทำผิดซ้ำ
2.2 ปล่อย เมื่อกระทำผิดซ้ำ
เหตุผล 1. เด็กมีเหตุผลที่กระทำ
2. เด็กมีความกตัญญู กระทำไปเพราะต้องหาเลี้ยงตาและยาย
3. เด็กน่าสงสารเพราะต้องรับผิดชอบชีวิตของตาและยาย
4. หากจับเด็กจะทำให้เด็กไม่มีอนาคต สังคมก็จะลงโทษทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ให้โอกาสแก่เด็ก
6. กฎหมายยืดหยุ่นได้ตามเหตุผล ให้เด็กทำงานเป็นการไถ่โทษ ให้ฝึกอาชีพ จะได้มีรายได้หาเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้
สรุป
จากกรณีศึกษา จับหรือปล่อย จากการพิจารณาตามเหตุผลแล้ว ข้าพเจ้ามีความคิดเห็นว่า ควรจะจับเด็กในกรณีที่เด็กกระทำผิดเป็นครั้งที่ 2 เพราะเมื่อเด็กกระทำผิดในครั้งแรก ทำไปเพราะความกตัญญูแก่ตายายที่ไม่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ เด็กมีความจำเป็นและมีเหตุผลในการกระทำ อีกทั้งชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นยังได้เห็นว่าเด็กเป็นคนกตัญญู อย่าจับเลย เด็กทำไปเพราะมีความจำเป็น ซึ่งตามกฎหมายแล้วนั้น เมื่อเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น ตำรวจต้องทำการสอบสวนแล้วพิจารณาตามความเหมาะสม เมื่อเด็กกระทำไปเพราะมีความจำเป็นอีกทั้งยังเป็นการกระทำที่อาจเป็นไปได้ว่าเป็นครั้งแรกนั้น ก็ควรที่จะยืดหยุ่นให้ ซึ่งอาจลงบันทึกประจำวันไว้ เป็นการลงทัณฑ์บนมิให้เด็กกระทำผิดซ้ำอีก และจะเป็นการให้โอกาสแก่เด็กคิดและทำใหม่ เพื่อจะได้มีอนาคตที่ดี ไม่มีตราบาปติดตัวและไม่ถูกสังคมลงโทษ แต่หากเด็กกระทำผิดเป็นครั้งที่ 2 จึงควรดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะได้ให้โอกาสแก่เด็กแล้วแต่เด็กไม่รับโอกาสนั้น จึงไม่สามารถที่จะให้อภัยได้อีก ซึ่งเด็กต้องยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยขัดขืนมิได้
ภาพตำรวจด้านบน รายละเอียดน่าสนใจดีแท้
ตอบลบเลือกภาพได้ดึงดูดใจจริงนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตอบลบทำออกมาได้ดีมากน่าสนไจดี
ตอบลบสวยงามมากเลยจร้า จากเอกแมทเด้อคะ
ตอบลบสวยจัง..น่าอิจฉา ว่างๆ ทำให้เราบ้าดิ
ตอบลบภาพตรงกะเนื้อหา...น่าสนใจดีนะ
ตอบลบในกรณีเช่นนี้
ตอบลบเจ้าพนักงานก็ต้องทำตามหน้าที่
ที่กฎหมายได้บัญญัติไว้
เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว
กฎหมายก็ไม่เป็นกฎหมาย
แต่กฎหมายก็ยังมีทางช่วยเหลือ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าพนักงานว่า
จะทำการสอบสวน
ในแนวทางใด
ตามแนงทางแห่งนิตินัย
ตามแนวทางแห่งพฤตินัย
หรือตามแนวทางทั้ง
พฤตินัยและนิตินัย
คืออ้างอิงกับกฎหมาย
และใช้สภาพแวดล้อมต่างๆ
เป็นตัวช่วยตัดสิน
ว่า......จุดใดคือจุดที่เหมาะสมที่สุด
สำหรับกรณีเช่นนี้