วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

กรณีศึกษา : ซื้อหรือเช่า ?



โรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา เปิดสอนตั้งแต่ชั้น ม.1- ม.6 มีนักเรียนประมาณ 3,000 คน ทางโรงเรียนกำลังจะต้องพัฒนาห้องเรียนคอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ ให้เพียงพอกับการใช้งาน โดยต้องการมีห้องคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 4 ห้อง และแต่ละห้องต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิด Multi media ที่มีการเชื่อมต่อเป็นโครงข่ายคอมพิวเตอร์ และเชื่อมต่อกับ Server ของโรงเรียน อันจะทำให้คอมพิวเตอร์ทั้งหมดสามารถใช้สืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตได้ จำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อห้องอย่างน้อย 50 เครื่อง ผู้บริหารกำลังขอร้องให้สมาคมครูและผู้ปกครองของโรงเรียน ช่วยเป็นเจ้าภาพจัดหางบประมาณให้ แต่ทางสมาคมฯ ยื่นข้อเสนอว่า ขอให้จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีคุณภาพเหมาะกับการเรียนการสอน ส่วนเรื่องงบประมาณ นั้น ควรจะหาทางประหยัดที่สุดเท่าที่จะทำได้การจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันมี 2 แนวทาง คือ การจัดซื้อมาใช้และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเป็นผู้ดูแลซ่อมบำรุง อีกวิธีหนึ่งคือ การจัดหาด้วยวิธีการเช่าเครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมการดูแลซ่อมบำรุง (3 ปี) เมื่อครบ 3 ปี บริษัทผู้ให้เช่าจะยกเครื่องคอมพิวเตอร์กลับประเด็นพิจารณาจากสถานการณ์ข้างต้น นิสิตจะ1. ตัดสินใจเสนอแนะ ต่อทางโรงเรียนให้ซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด หรือใช้วิธีการเช่าเครื่องคอมพิวเตอร์2. เหตุผลประกอบการตัดสินใจเช่นนั้น ที่มีความสมเหตุสมผล และหนักแน่น โดยใช้ข้อมูลทางวิชาการประกอบอย่างชัดเจน


กรณีซื้อ

ข้อดี

1. มีไว้เป็นสาธารณสมบัติของโรงเรียน
2. บุคลากรในโรงเรียนเป็นผู้ดูแล ซ่อมแซมหากคอมพิวเตอร์เสีย
3. สร้างจิตสำนึกที่ดีให้นักเรียนในการรักษาสาธารณสมบัติของโรงเรียน
4. ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม
5. หากเครื่องคอมพิวเตอร์เก่าสามารถขายคืนให้แก่บริษัทที่ซื้อมาได้
6. ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใหม่ คุณภาพดี สามารถปรับเปลี่ยนโปรแกรมที่ต้องการ
7.เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ซื้อใหม่คงคุณภาพได้นาน เพราะนักเรียนใช้คอมพิวเตอร์ได้ในขอบเขตที่ครูผู้สอนกำหนด


ข้อเสีย

1. ใช้งบประมาณในการซื้อค่อนข้างสูง และงบประมาณมีน้อย
2. บุคลากรขาดความรู้ในการซ่อมแซมคอมพิวเตอร์
3. อายุการใช้งานไม่ค่อยนาน และทำให้ต้องหางบประมาณในการจัดซื้อใหม่

กรณีเช่า
ข้อดี

1. ราคาการเช่าคอมพิวเตอร์ถูกกว่าการซื้อใหม่ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย
2. สามารถส่งลงโปรแกรมต่างๆได้ตามที่ต้องการ
3. ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์เสีย ทางบริษัทที่ทำสัญญาเช่ารับซ่อมฟรี บุคลากรไม่เสียเวลาตรงนี้ นำเงินที่เหลือไปใช้จ่ายในส่วนอื่น
4. หากเครื่องคอมพิวเตอร์หมดอายุการใช้งานสามารถนำมาเปลี่ยนเครื่องใหม่กับทางบริษัทได้

ข้อเสีย
1. ได้คอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน คุณภาพไม่ดี
2. หากมีปัญหาคอมพิวเตอร์เสียต้องแจ้งล่วงหน้า 1 สัปดาห์ ทำให้เกิดความล่าช้าในกระบวนการเรียนการสอน
3. ข้อตกลงในการทำสัญญาเช่าค่อนข้างมาก
4. การลงโปรแกรมใหม่ทุกครั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
5. กรณีคอมพิวเตอร์เสียจะซ่อมให้ฟรีก็ต่อเมื่อคอมพิวเตอร์มีอาการตามที่ระบุไว้ในสัญญาเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม

สรุป
จากกรณีศึกษา ซื้อหรือเช่าดีกว่ากัน ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ควรที่จะซื้อดีกว่าเพราะการศึกษาคือการลงทุน การที่ซื้อคอมพิวเตอร์นั้นจะทำให้ได้คอมพิวเตอร์ที่ดี มีคุณภาพ อีกทั้งยังไดเป็นสาธารณสมบัติของโรงเรียน สร้างจิตสำนึกที่ดีในการดูแลรักษาให้กับนักเรียน เสียค่าใช้จ่ายมากเพียงครั้งเดียวย่อมดีกว่าต้องมาคอยเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมคอมพิวเตอร์ในแต่ละครั้ง นอกจากนั้นยังมีอายุการใช้งานดีกว่า การประกันคุณภาพมั่นคงกว่า ไม่เสียเวลาในการดำเนินการเรียนการสอน
ดังนั้น การซื้อคอมพิวเตอร์ย่อมดีและคุ้มกว่าการเช่าคอมพิวเตอร์แน่นอน


4 ความคิดเห็น:

  1. เห็นภาพ โรงเรียน แล้วผมอยากจะกลับไปโรงเรียนเก่าจังเลย

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ27 กรกฎาคม 2552 เวลา 08:04

    เช่าดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสียค่าซ่อม

    ทำได้ดีนะไห้เอเลย

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ3 สิงหาคม 2552 เวลา 04:38

    น่าจะลองมองในหลายๆมุม

    ประเด็นหนึ่งคือการซื้อคอมพิวเตอร์

    อีกประเด็นคือการเช่าคอมพิวเตอร์

    เหตุที่จะทำให้โรงเรียนเลือกวิธีใดนัั้้้ัั้้ัน

    ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

    ทั้งสภาพทางการเงินของโรงเรียน

    ว่า ณ ตอนนั้นโรงเรียนมีเงินพอที่จะซื้อหรือไม่

    เพราะว่า

    การซื้อคอมพิวเตอร์นั้น

    จะต้องมีทุนสำรอง

    เพื่อลงทุนทั้งในการ

    ซื้ออุปกรณ์ตกแต่ง

    เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เป็นต้น

    รวมทั้งแม้กระทั่งค่าเดินสายไฟ

    แม้จะดูเล็กน้อย

    แต่ในความเป็นจริง

    สำหรับบางโรงเรียน

    เงินแค่ไม่กี่พันบาท

    ก็มีความสำคัญมาก

    รวมทั้งว่า

    การเตรียมอะไหล่สำรอง

    เพื่อซ่อมแซมคอมพิวเตอร์

    เพราะว่าคอมพิวเตอร์ที่ซื้อนั้น

    โรงเรียนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายในทุกกรณี

    ซึ่งต่างจากการเช่าคอมพิวเตอร์

    เพราะถึงแม้ว่า

    กรรมสิทธิ์ในคอมพิวเตอร์นั้น

    โรงเรียนจะไม่มีก็ตาม

    แต่ถึงอย่างไรเสีย

    คอมพิวเตอร์เหล่านั้น

    โรงเรียนก็ไม่ต้องรับผิดชอบ

    ในการซ่อม

    รวมถึง

    การลงทุนในตอนแรก

    ก็นับว่าเป็นกา่รลงทุนที่ตำ่

    ดังนั้นขึ้นอยู่กับการ

    มองว่าโรงเรียนจะเลือกอย่างไร

    แต่อย่างน้อยก็

    มีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า

    ด้วยจิตวิญญาณ

    แห่งความเป็นครูนั้น

    จะพยายาม

    เลือกสรร

    สิ่งที่ดีที่สุด

    เพื่อเป็นอนุสรณ์ต่อไปในอนาคต

    ว่าครั้งหนึ่ง

    อนาคตของชาติ

    ที่ครูเคยปั้น

    ได้สำเร็จออกมาแล้ว

    จากการเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุด

    ของครู

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ19 สิงหาคม 2552 เวลา 04:48

    สุดยอด !!!!

    ตอบลบ